หน้าหลัก | ลูกค้าบุคคล | ลูกค้าองค์กร | พันธมิตรธุรกิจ | B2B Portal | |
โปรแกรมล่องเรือดินเนอร์อันดับหนึ่งของสายน้ำเจ้าพระยา!!!
ขอต้อนรับสู่การเดินทางเพื่อการพักผ่อนและน่าจดจำตลอด 2 ชั่วโมง กับเรือเจ้าพระยาปริ๊นเซส สัมผัสกับความหรูหราด้วยอาหารมื้อค่ำที่แสนจะโรแมนติกกับคนรู้ใจที่ไม่มีวันลืมเลือน
บรรยากาศอันแสนโรแมนติค ตื่นตาตื่นใจจะเริ่มขี้น เพียงคุณได้ย่างก้าวสู่เรือเจ้าพระยาปริ๊นเซส คุณจะสัมผัสได้ถึงความหรูหรา ยิ่งใหญ่ตระการตาของตัวเรือ พร้อมที่นั่งอันหรูหราถึง 500 ที่นั่ง บรรยากาศบนเรือตกแต่งด้วยศิลปกรรม ผสมผสาน สไตล์ไทยประยุกต์ ทั้งยังได้แบ่งสัดส่วนเพื่อความรู้สึกที่แต่งต่างไว้เป็น 2 ชั้น โดยชั้นล่างเป็นห้องปรับอากาศ ส่วนชั้นบน เป็นแบบเปิดโล่ง สำหรับท่านที่ชื่นชอบลมธรรมชาติ เรือเจ้าพระยาปริ้นเซส ได้ออกแบบให้มีดาดฟ้าที่สูงเพื่อความรู้สึกโปร่งสบาย
ลิ้มรสกับอาหารไทยและอาหารนานาชาติแบบบุฟเฟ่ต์ ภายใต้แสงเทียน เพลิดเพลินกับดนตรีแซกโซโฟนและนักร้องฟิลิปินส์ ในสไตล์ Pop Jazz พร้อมชมบรรยากาศริมฝั่งแม่น้ำเจ้าพระยายามค่ำคืน พร้อมสถาปัตยกรรมอันมีชื่อเสียงทางประวัติศาสตร์ที่สวยงามล้ำเลิศ ที่จะประดับประดาแสงไฟไว้อย่างสวยงาม อาทิเช่น พระบรมมหาราชวัง และวัดอรุณราชวราราม พระราชวังบางขุนพรหม วัดกัลยาณมิตร สะพานพระราม 8 ฯลฯ
โดยโปรแกรมนี้จะเริ่มต้นที่
ป้อมวิชัยประสิทธ์ หรือ ป้อมวิไชยเยนทร์ ตั้งชื่อตาม คอนสแตนติน ฟอลคอน หรือ เจ้าพระยาวิชเยนทร์ ซึ่งเป็นผู้ทูลแก่สมเด็จพระนารายณ์ให้สร้างป้อม ทั้งยังเป็นผู้ควบคุมการก่อสร้างเองอีกด้วย โดยมอบหมายให้ มองซิเออร์ เดอร์ ลา มาร์ นายช่างชาวฝรั่งเศสผู้มีบทบาทในการก่อสร้างป้อมปราการหลายแห่งสมัยสมเด็จพระนารายณ์เป็นผู้ออกแบบ ถูกสร้างขึ้นในสมัยสมเด็จพระนารายณ์ เมื่อวันที่ 13 พฤษภาคม พ.ศ. 2223 ในชื่อ ป้อมบางกอก หรือ ป้อมวิไชยเยนทร์ หากจำกันได้ในเรื่อง บุพเพสันนิวาส ป้อมแห่งนี้ถือว่ามีความสำคัญทางประวัติศาสตร์เป็นอย่างมาก สร้างขึ้นเพื่อป้องกันข้าศึกรุกรานทางทะเล ต่อมาเมื่อสมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราชทรงสถาปนา กรุงธนบุรี เป็นราชธานี ได้ทรงสร้างพระราชวังขึ้นบริเวณป้อมฝั่งตะวันตก พร้อมกับปรับปรุงป้อมและพระราชทานนามใหม่ว่า “ป้อมวิไชยประสิทธิ์”
วัดกัลยาณมิตรวรมหาวิหาร วัดเก่าแก่ที่สร้างขึ้นตั้งแต่สมัยรัชกาลที่ 3 เมื่อราวพ.ศ. ๒๓๖๘ เป็นหนึ่งในวัดที่มีความงดงามซึ่งผสานศิลปกรรมไทย-จีน ไว้ได้อย่างลงตัว อีกทั้งยังมีภาพจิตรกรรมฝาผนังที่สวยงามทรงคุณค่าที่สะท้อนวิถีชีวิตในสมัยรัชกาลที่ 3 และเรื่องราวแห่งพุทธประวัติ นอกจากความโดดเด่นในการออกแบบแล้วภายในวัดยังเป็นที่ประดิษฐาน หลวงพ่อโต หรือ พระพุทธไตรรัตนนายก ( รัชกาลที่ 4 ทรงพระราชทานนามไว้ ) เป็นพระพุทธรูปปูนปั้นปางมารวิชัยที่มีขนาดใหญ่และสวยงามที่สุดในกรุงเทพฯ ( องค์พระมีสีเหลืองทองอร่ามงดงาม ) หลวงพ่อโตเป็นที่เคารพสักการะอย่างสูงของชาวธนบุรี โดยเฉพาะในหมู่ชาวจีน เรียกชื่อแบบจีนว่า ซำปอฮุดกง หรือ ซำปอกง มีคติความเชื่อโด่งดังในเรื่องการขอพรให้เดินทางแคล้วคลาดปลอดภัย และมีมิตรไมตรีที่ดี
พระปรางค์วัดอรุณราชวรารามราชวรมหาวิหาร หรือ เรียกสั้นๆว่า พระปรางค์วัดอรุณฯ เป็นหนึ่งในสัญลักษณ์การท่องเที่ยวของประเทศไทย (หากสังเกตุภาพตราสัญลักษณ์การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทยจะเห็นเป็นรูปพระปรางค์ ) ได้รับการจัดอันดับให้เป็นหนึ่งในสิบสถานที่ทางพุทธศาสนาที่มีชื่อเสียงที่สุดจากทัวร์โอเปีย
วัดอรุณราชวรารามเป็นวัดประจำรัชกาลที่ ๒ แต่เดิมเป็นวัดเก่าแก่ตั้งแต่ครั้งกรุงศรีอยุธยา เดิมชื่อวัดมะกอก (เรียกตามชื่อตำบลที่ตั้ง) เล่ากันว่า สมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราชทรงมีพระราชประสงค์จะย้ายราชธานีใหม่มายังกรุงธนบุรี พระองค์จึงเสด็จทางชลมารค ล่องตามแม่น้ำเจ้าพระยาเรื่อยมาจนถึงหน้าวัดมะกอกเมื่อรุ่งแจ้งพอดี ครานั้นจึงมีพระราชดำริว่า นับเป็นมงคลมหาฤกษ์นัก ครั้นแล้วจึงเสด็จขึ้นจากเรือพระที่นั่งไปถวายสักการะพระเจดีย์ (พระปรางค์องค์เก่า) ครั้นต่อมาโปรดฯ ให้บูรณปฏิสังขรณ์วัด แล้วเปลี่ยนชื่อใหม่ว่า วัดแจ้งเพื่อระลึกถึงมงคลมหาฤกษ์ครั้งนั้น
วัดแจ้งได้รับการบูรณปฏิสังขรณ์เรื่อยมาตามลำดับ จนกระทั่งในรัชกาลพระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัยได้รับพระราชทานนามใหม่ตามนัยความหมายเดิมว่า “วัดอรุณราชวราราม” ตัวพระปรางค์ปัจจุบันนี้มิใช่พระปรางค์เดิม ที่สร้างขึ้นในสมัยกรุงศรีอยุธยา ที่มีความสูงเพียง 16 เมตร โดยพระปรางค์ปัจจุบันนี้ถูกบูรณปฏิสังขรณ์เรื่อยมาและสร้างขึ้นแทน ในสมัยพระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัย ในปี พ.ศ. 2363 แต่ก็ได้แค่รื้อพระปรางค์องค์เดิม และขุดดินวางราก ก็เสด็จสวรรคตเสียก่อน ต่อมาพระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว ก็ได้ทรงมีพระราชดำริให้ดำเนินการสร้างต่อ โดยพระองค์เสด็จมาวางศิลาฤกษ์เมื่อวันที่ 2 กันยายน พ.ศ. 2385 จนแล้วเสร็จเมื่อปี พ.ศ. 2394 ใช้เวลารวมกว่า 9 ปี พระปรางค์วัดอรุณฯ ได้รับการบูรณะเสมอมา จนกระทั่งในรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ได้ทำการบูรณะพระปรางค์ครั้งใหญ่ ซึ่งก็คือแบบที่เห็นในปัจจุบัน
พระบรมมหาราชวัง หรือ พระราชวังพระนคร เป็นศูนย์กลางการปกครองของประเทศและเป็นที่ประทับของพระมหากษัตริย์สมัยรัตนโกสินทร์ ตั้งแต่รัชสมัยพระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราชจนถึงรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ก่อสร้างเมื่อ พ.ศ. 2325 ในรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราชปราบดาภิเษกขึ้นเป็นปฐมกษัตริย์แห่งราชวงศ์จักรี พระองค์ทรงย้ายราชธานีจากกรุงธนบุรีมายังฝั่งตะวันออกของแม่น้ำเจ้าพระยาและโปรดเกล้าฯ ให้สร้างพระราชวังหลวงขึ้นเพื่อเป็นการก่อสร้างพระราชวังหลวงเริ่มขึ้นพร้อมกับการสร้างพระนครเมื่อ พ.ศ. 2325
พระที่นั่งสันติชัยปราการ พระที่นั่งสันติชัยปราการสร้างขึ้นตอนเฉลิมพระชนมพรรษาครบ 6 รอบของ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดช เมื่อวันที่ 5 ธันวาคม พ.ศ. 2542 โดยสร้างตอนที่ปรับปรุงภูมิทัศน์ของป้อมพระสุเมรุโดยพระที่นั่งองค์นี้ใช้เป็นสถานทีประกอบงานพระราชพิธีทางกระบวนพยุหยาตราทางชลมารคพระที่นั่งองค์นี้มีตราสัญลักษณ์งานเฉลิมพระเกียรติมาประดับไว้ พร้อมกับท่ารับเสด็จขึ้นลงเรือพระที่นั่ง เพื่อน้อมเกล้าฯ ถวายเป็นที่จัดพระราชประเพณีต่าง ๆ ที่เกี่ยวกับแม่น้ำเจ้าพระยา ปัจจุบันพระที่นั่งองค์นี้อยู่ในการดูแลของกรมศิลปากร
สะพานพระราม 8 เป็นหนึ่งในสะพานที่มีความสวยงามทางสถาปัตยกรรมในแบบไทยที่สวยงามที่สุด เปิดให้ใช้ตั้งแต่วันที่ 7 พฤษภาคม พ.ศ. 2545 เวลา 7:00 น. สะพานนี้เกิดจากพระราชดำริในพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช เมื่อครั้งที่เสด็จทรงเยี่ยมพระอาการประชวรของสมเด็จพระศรีนครินทราบรมราชชนนี พระองค์ทอดพระเนตรเห็นถึงปัญหาการจราจรของสะพานสมเด็จพระปิ่นเกล้า เมื่อวันที่ 15 กรกฎาคม พ.ศ. 2538 โปรดเกล้าฯ ให้กรุงเทพมหานครก่อสร้างสะพานข้ามแม่น้ำเจ้าพระยาเพิ่มอีก 1 แห่ง เพื่อบรรเทาการจราจรบนสะพานสมเด็จพระปิ่นเกล้ารองรับการเดินทางเชื่อมต่อระหว่างฝั่งพระนครกับฝั่งธนบุรี และเป็นจุดเชื่อมต่อโครงการพระราชดำริตามแนวจตุรทิศ และยังทรงสร้างเพื่อเป็นพระบรมราชานุสรณ์เฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระปรเมนทรมหาอานันทมหิดล พระอัฐมรามาธิบดินทร กรุงเทพมหานครจึงได้อัญเชิญ “พระราชลัญจกร” ซึ่งเป็นสัญลักษณ์ประจำพระองค์ มาเป็นต้นแบบในการออกแบบทางสถาปัตยกรรม
การออกแบบกำหนดทิศทางของสะพานและพระบรมราชานุสรณ์ ได้ออกแบบให้สัมพันธ์กับวงโคจรของโลกรอบดวงอาทิตย์ ในวันที่ 21 และ 22 ธันวาคม ของทุกปี โดยในเวลาเช้ามืดดวงอาทิตย์โผล่เด่นพ้นขอบฟ้าขึ้นตรงเส้นกลางถนนบนสะพานด้านทิศตะวันออก และขึ้นตรงหน้าพระบรมราชานุสรณ์ เสมือนเป็นมาตรที่บ่งบอกทิศทางการโคจรเป็นวงรี วกกลับของดวงอาทิตย์เมื่อเทียบในระนาบ 2 มิติตามวิถีคิดในอดีตกาล ปลายยอดเสาสูงของตัวสะพานจะมีจุดชมทิวทัศน์ ซึ่งมีโครงสร้างโลหะกรุกระจก ลักษณะคล้ายดอกบัว สูงจากพื้นดินถึง 165 เมตร หรือสูงเท่าตึก 60 ชั้น พื้นที่ 35 ตารางเมตร จุคนได้ครั้งละเกือบ 50 คน
สัมผัสความโรแมนติกของทัศนียภาพสองฝากฝั่งเจ้าพระยาที่คุณจะต้องตกหลุมรัก
19.00 น. – 19.30 น.
ท่าเรือสี่พระยา
(ดูแผนที่)
ดื่มด่ำความโรแมนติกยามค่ำคืนแห่งสายน้ำเจ้าพระยา สัมผัสแลนด์มาร์กสำคัญของกรุงเทพมหานคร ล่องเรือชมความงามระดับโลกของสถาปัตยกรรมและประติมากรรมโบราณสถานวัดวาอารามที่อยู่สองฝากฝั่งแม่น้ำ เคล้าด้วยเสียงดนตรีอันไพเราะ ในสไตล์ Pop Jazz ที่จะทำให้บรรกาศการดินเนอร์ของคุณและคนพิเศษเป็นความประทับใจไม่รู้ลืม
ลงทะเบียน ที่ท่าเรือริเวอร์ซิตี้ สี่พระยา (ถนนเจริญกรุง ซอย 30) บริเวณท่าเรือที่ 1 (Pier 1) พนักงานของเราพร้อมต้อนรับแขกผู้มีเกียรติทุกท่านด้วยความเป็นมิตร
บริการต้อนรับทุกท่านด้วยเครื่องดื่ม ( WELCOME DRINK ) ฟรุ๊ตพั้นซ์ และดรายแสน็คที่เราได้จัดเตรียมไว้ต้อนรับแขกผู้มีเกียรติทุกท่าน จิบเครื่องดื่มเย็นฉ่ำ เคล้าเสียงเป่าแซกโซโฟนบรรเลงจากนักดนตรีชาวฟิลิปปินส์ ในหลากหลายบทเพลงที่ท่านคุ้นเคย และพาท่านล่องเรือชมบรรยากาศสองฝากฝั่งแม่น้ำอันแสนโรแมนติก อาทิเช่น ป้อมวิชัยประสิทธ์ วัดกัลยาณมิตร พระปรางค์วัดอรุณฯ พระบรมมหาราชวัง (วัดพระแก้ว ) พระที่นั่งสันติชัยปราการ สะพานพระรามแปด ฯลฯ
เวลาสำหรับความอร่อยกับอาหารบุฟเฟ่ต์นานาชาติเลิศรส ภายใต้ความโรแมนติคของแสงเทียนและเสียงเพลงสากล อาหารพร้อมบริการ ทั้งอาหารยุโรป อาหารไทย อาหารญี่ปุ่น รวมทั้งสลัด ขนม และผลไม้ให้คุณเลือกอิ่มอร่อยได้ตลอดการเดินทาง หากต้องการเครื่องดื่มนอกเหนือจากที่บริการสามารถสั่งเพิ่มเติมได้เองโดยชำระค่าบริการบนเรือ ( กรณีนำเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ เหล้าหรือไวน์ ขึ้นไปบนเรือ ทางเรือจะมีค่าบริการเปิดขวดเริ่มต้นต่อขวด 500 บาท )
ส่งทุกท่านถึงท่าเรือ ริเวอร์ ซิตี้ และที่พักโรงแรมโดยสวัสดิภาพพร้อมความประทับใจ ( สำหรับท่านที่เลือกบริการรับส่งที่พัก โรงแรม )
โปรดทำความเข้าใจ : โปรแกรมทัวร์สามารถปรับเปลี่ยนไปตามสภาพอากาศ คลื่นลมทะเล และปัจจัยอื่นๆ ที่อาจเกี่ยวข้อง มัคคุเทศก์ หรือผู้กระทำการแทนบริษัทฯ ขอสงวนสิทธิ์ในการตัดสินใจปรับโปรแกรมตามความเหมาะสม ทั้งนี้เราจะคำนึงถึงความปลอดภัย และผลประโยชน์ของผู้เดินทางโดยรวมเป็นสำคัญ
* ราคาที่แสดงในตารางนี้อาจมีการเปลี่ยนแปลงไปตามเงื่อนไขการจองและชำระเงิน ส่วนลดอาจได้รับการเสนอเพิ่มเติมเมื่อมีจำนวนผู้จองตามที่โปรโมชั่นได้ถูกกำหนดไว้ จำนวนเงินที่ต้องชำระมัดจำอาจถูกเสนอขึ้นเมื่อผู้เดินทางทำการจองและชำระเงินภายในระยะที่กำหนด